
ในปี ค.ศ. 722 อาณาจักรที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของดินแดนเวียดนามในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อเรียกว่า อาณาจักรฟุงหวั่น ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิถังมานานกว่าหนึ่งศตวรรษ หลังจากการพิชิตที่ทำให้จักรพรรดิถังได้ควบคุมดินแดนอันอุดมสมบูรณ์นี้ ความไม่พอใจและความตึงเครียดก็เริ่มทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางชาวเวียดนาม
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการก่อกบฏครั้งนี้ก็คือ การปกครองของจักรวรรดิถังที่มีลักษณะกดขี่และเอาเปรียบชาวเวียดนาม ประชาชนต้องเสียภาษีหนัก และถูกบังคับให้ส่งทหารไปร่วมในสงครามของจีน นอกจากนี้ ภาษาและวัฒนธรรมของชาวเวียดนามก็ถูกกดทับ
แต่แล้วความอดทนของชาวเวียดนามก็ถึงจุดสิ้นสุด เมื่อปี ค.ศ. 722 ขุนศึกมาเหลือง ผู้ซึ่งเป็นขุนพลผู้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพจากชาวบ้าน ได้ลุกขึ้นนำการก่อกบฏ
มาเหลือง เป็นบุคคลที่มีความสามารถในการรวรวมและเกี่ยวนำผู้คนจำนวนมาก เขาได้เรียกร้องให้ชาวเวียดนามต่อต้านการปกครองของจักรวรรดิถัง และฟื้นฟูความเป็นอิสระของดินแดนของตน
การก่อกบฏของมาเหลืองดำเนินไปอย่างดุเดือดและยาวนาน เขานำทัพชาวเวียดนามโจมตีฐานทัพของจักรวรรดิถัง และสามารถยึดครองเมืองต่างๆ ได้สำเร็จ
ชัยชนะสำคัญของมาเหลือง | |
---|---|
การยึดครองเมืองหลวงฟุงหวั่น | |
การเอาชนะกองทัพจักรวรรดิถังในหลายครั้ง | |
การสร้างความสามัคคีและความ團結ของชาวเวียดนาม |
ถึงแม้ว่ามาเหลืองจะเสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 791 แต่การต่อสู้เพื่อเอกราชก็ยังคงดำเนินต่อไป ลูกหลานของเขายังคงร่วมมือกันต่อต้านจักรวรรดิถัง และสามารถก่อตั้งราชวงศ์โว้เหงียนขึ้นในที่สุด
การก่อกบฏของมาเหลืองมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อประวัติศาสตร์เวียดนาม
- การฟื้นฟูความเป็นอิสระ: การก่อกบฏนำไปสู่การสิ้นสุดการปกครองของจักรวรรดิถัง และทำให้ชาวเวียดนามสามารถสถาปนาประเทศของตนเองขึ้นมา
- การกำเนิดของชาติเวียดนาม: การต่อสู้เพื่อเอกราชได้ปลูกฝังจิตสำนักของความเป็นชาติในหมู่ชาวเวียดนาม และนำไปสู่การรวมตัวกันของประชาชน
นอกจากนี้ การก่อกบฏของมาเหลืองยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในดินแดนอื่นที่ต่อสู้เพื่ออิสรภาพจากการปกครองของจักรวรรดิ
เป็นเรื่องน่าสนใจว่า แม้จะผ่านไปหลายศตวรรษแล้ว แต่ความกล้าหาญและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของมาเหลืองก็ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับชาวเวียดนามในปัจจุบัน เขาถูกยกย่องเป็นวีรบุรุษแห่งชาติ และเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นที่จะปกป้องเอกราชและอธิปไตยของประเทศ
การศึกษาเรื่องราวของมาเหลือง ช่วยให้เราเข้าใจถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์เวียดนาม และเห็นได้ชัดว่า การต่อสู้เพื่ออิสรภาพนั้นมีค่ามากเพียงใด